• Home
  • ภาษาไทย
    • ทำความรู้จักเรา
    • มาตรฐานเกษตรอินทรีย์
    • การผลิตข้าวอินทรีย์
    • การผลิตมังคุดอินทรีย์
    • การแปรรูปอินทรีย์
    • เทคนิคการเป็นวิทยากร
    • หนังสือ
    • ไฟล์นำเสนอสำหรับการอบรม
    • วีดีโอของโครงการ
    • Infographic
  • English
    • About us
    • Standards
    • Organic Rice
    • Organic mangosteen
    • Processing
    • Trainer
    • Books
    • Presentation files
    • Video Clip
    • Infographic
  • Home
  • ภาษาไทย
    • ทำความรู้จักเรา
    • มาตรฐานเกษตรอินทรีย์
    • การผลิตข้าวอินทรีย์
    • การผลิตมังคุดอินทรีย์
    • การแปรรูปอินทรีย์
    • เทคนิคการเป็นวิทยากร
    • หนังสือ
    • ไฟล์นำเสนอสำหรับการอบรม
    • วีดีโอของโครงการ
    • Infographic
  • English
    • About us
    • Standards
    • Organic Rice
    • Organic mangosteen
    • Processing
    • Trainer
    • Books
    • Presentation files
    • Video Clip
    • Infographic

มังคุด ราชินีแห่งผลไม้

เทคนิคการผลิตมังคุดอินทรีย์

 เพื่อให้สามารถผลิตมังคุดอินทรีย์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย และมาตรฐานสากล เกษตรกรควรเรียนรู้และเข้าใจแนวคิดและเทคนิคการผลิตมังคุดอินทรีย์

ปฏิทินการผลิตมังคุดอินทรีย์

การผลิตมังคุดอินทรีย์ให้ได้ผลผลิตที่ดีและได้มาตรฐานต้องได้รับการดูแลตลอดทั้งปี

  

1. ขั้นตอนการเตรียมต้นให้พร้อมสำหรับออกดอก
(กรกฎาคม ถึง ตุลาคม)

2. ขั้นตอนจัดการเพื่อชักนำการออกดอก และควบคุมปริมาณดอกต่อต้นให้เหมาะสม (พฤศจิกายน ถึง ธันวาคม)

3. ขั้นตอนจัดการส่งเสริมการพัฒนาของผล และเพิ่มปริมาณผลผลิตคุณภาพ (มกราคม ถึง เมษายน)

4. ขั้นตอนจัดการเพื่อป้องกันผลผลิตเสียหาย (พฤษภาคม ถึง มิถุนายน)

กรกฎาคม

จัดการปุ๋ยเพื่อชักนำการแตกใบอ่อน

-หลังการเก็บเกี่ยว

  • เพิ่มปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ผ่านกระบวนการทำปุ๋ยหมักเรียบร้อยแล้ว อัตราประมาณ 20-60 กิโลกรัมต่อต้น ขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่มของต้นไม้และความอุดมสมบูรณ์ของดิน จึงควรวิเคราะห์ดินปีละครั้ง
  • ฉีดพ่นทางใบด้วยน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์หรือพืช ในอัตรา 1 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร
  • รดราดน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์หรือพืชลงดินหรือให้ทางระบบน้ำในอัตราส่วน 3 ลิตร / 1,000 ลิตร 

กำจัดวัชพืช

หลังการเก็บเกี่ยว

  1. ตัดหญ้าปีละ 2-4 ครั้งตามความจำเป็น

  • ควรตัดก่อนออกดอกและก่อนเก็บเกี่ยว
  • ไม่ควรตัดหญ้าในฤดูฝนเพื่อรักษาโครงสร้างของดิน
  • ไม่ควรตัดหญ้าเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ในสวน

2.การปลูกพืชสมุนไพรในสวนมังคุด เช่น ขมิ้น ชะพลู ตะไคร้หอม 

การตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่ม

หลังการเก็บเกี่ยว

  1. ตัดปีละครั้งเพื่อให้แสงส่องทั่วถึงทั้งทรงพุ่ม
  2. ตัดกิ่งที่เกินความสูงที่ต้องการไม่เกิน 1 เมตรต่อปี ตัดกิ่งที่ทับซ้อนกันปีละ 2-3 กิ่งหรือตามความเหมาะสม และตัดกิ่งด้านนอกออกเป็นรูปทรงพุ่มที่เกินความต้องการประมาณ 50 เซนติเมตร
  3. ตัดกิ่งเพื่อให้แสงส่องเข้ามาทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก

สิงหาคม – กันยายน

จัดการปุ๋ยเพื่อชักนำการแตกใบอ่อน

หลังการเก็บเกี่ยว

  1. ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์หรือพืช ในอัตรา 1 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร ทางใบ
  2. รดราดน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์หรือพืชลงดินหรือให้ผ่านทางระบบน้ำในอัตรา 3 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและต้นมังคุด

จัดการปุ๋ยเพื่อส่งเสริมความสมบูรณ์ของต้น

11 – 12 สัปดาห์หลังการเก็บเกี่ยว 

  1. สเปรย์น้ำหมักฮอร์โมนไข่ และหรือ น้ำหมักกับกุ้ง ปู และสัตว์มีเปลือก
  2. เทน้ำหมักจากผลไม้สีเหลืองหรือให้ระบบน้ำในอัตรา 3 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร 2-3 ครั้งก่อนออกดอก

สำรวจการเข้าทำลายของศัตรูมังคุดเมื่อแตกใบอ่อน

  ประเมินการรบกวนของศัตรูและวิธีการควบคุม:

1 เพลี้ยไฟ

  • ใช้น้ำหมักหรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง เช่น สะเดา ขมิ้น ตะไคร้หอม ดาวเรือง ข่า  เป็นต้น 
  • ใช้ชีวภัณฑ์ เช่น บิวเวอร์เรีย และเมตาไรเซียม
  • ใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น ด้วง ด้วงเต่าลาย แมลงวันขายาว แมงมุมเพลี้ยไฟ
  • ฉีดน้ำโดยใช้สปริงเกอร์ขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความชื้นและขับไล่เพลี้ยไฟ

2 หนอนที่กินใบอ่อน

  • ใช้น้ำหมักหรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง เช่น สะเดา ขมิ้น ตะไคร้หอม ดาวเรือง ข่า  เป็นต้น 
  • หนอนชนิดนี้ซ่อนตัวตามดิน เศษหญ้า และวัชพืชใต้โคนต้นไม้ในเวลากลางวัน และขึ้นมากินใบไม้ในเวลากลางคืน การใช้เศษหญ้าใต้โคนต้นมังคุดเพื่อให้หนอนมาอาศัยและทำลายในระหว่างวันสามารถช่วยลดการระบาดได้
  • ศัตรูธรรมชาติ เช่น มดแดง มวนนักฆ่า มวนง่ามแตน หนอน หนอน Bracon hebetor และ Pteromalus puparum L.
  • ชีวภัณฑ์ เช่น บิวเวอร์เรีย และ Bt (Bacillus thuringiensis)

3 หนอนใบอ่อน

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพและสารสกัดจากพืชรวมทั้งป้องกันการแพร่กระจายของหนอนใบ
  • ศัตรูธรรมชาติ เช่น แตน หนอน

4 ไรแดง (พบทำลายใบ)

  • ใช้วิธีการป้องกันยาฆ่าแมลงแบบเดียวกับเพลี้ยไฟ
  • พ่นด้วยกำมะถัน เลือกเฉพาะช่วงที่จำเป็นเนื่องจากส่วนผสมได้รับความร้อน

5 ไรขาว

  • พ่นด้วยกำมะถัน

6 โรคใบจุด โรคสนิม โรคแอนแทรคโนส หรือโรคใบไหม้จากสาหร่าย โรคราดำ

  • ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง
  • ใช้น้ำหมักหรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง เช่น สะเดา ขมิ้น ตะไคร้หอม ดาวเรือง ข่า  เป็นต้น 
  • ชีวภัณฑ์ เช่น ไตรโคเดอร์มา และ BS (Bacillus subtilis)

ตุลาคม

จัดการปุ๋ยเพื่อเตรียมความพร้อมต้นสำหรับการออกดอก

14 – 16 สัปดาห์หลังการเก็บเกี่ยว

  1. สเปรย์น้ำหมักฮอร์โมนไข่ และ/หรือน้ำหมักกับกุ้ง ปู และสัตว์มีเปลือก
  2. รดราดน้ำหมักจากผลไม้สีเหลืองลงดินหรือให้ผ่านระบบน้ำในอัตรา 3 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร 2-3 ครั้งก่อนออกดอก

พฤศจิกายน

ชักนำการออกดอก

ก่อนออกดอก

  

  1. เมื่อสังเกตว่าผิวดินแห้งแล้วให้เริ่มรดน้ำ (ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน)
  2. วัดความชื้นในดินก่อนให้น้ำ และควรหาค่าที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
  3. ไม่ต้องคราดใบออก

ธันวาคม

จัดการน้ำเพื่อควบคุมปริมาณดอก

  • เมื่อมังคุดเริ่มออกดอก
  • เพิ่มน้ำให้มากขึ้นกว่าเดิมตามความเหมาะสมของพื้นที่

สำรวจแมลงศัตรูทำลายดอก

หลังออกดอก

การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

  1. เพลี้ยไฟ

  • ใช้น้ำหมักหรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง เช่น สะเดา ขมิ้น ตะไคร้หอม ดาวเรือง ข่า  เป็นต้น 
  • ใช้ชีวภัณฑ์ เช่น บิวเวอร์เรีย และเมตาไรเซียม
  • ฉีดน้ำโดยใช้สปริงเกอร์ขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความชื้นและขับไล่เพลี้ยไฟ

มกราคม

สำรวจแมลงศัตรูทำลายผล

  หลังจากการติดผล

การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

1. เพลี้ยไฟ

  • ใช้น้ำหมักหรือสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าแมลง เช่น สะเดา ขมิ้น ตะไคร้หอม ดาวเรือง ข่า  เป็นต้น 
  • ใช้ชีวภัณฑ์ เช่น บิวเวอร์เรีย และเมตาไรเซียม
  • ใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่น ด้วง ด้วงเต่าลาย แมลงวันขายาว แมงมุมเพลี้ยไฟ
  • ฉีดน้ำโดยใช้สปริงเกอร์ขนาดเล็กเพื่อเพิ่มความชื้นและขับไล่เพลี้ยไฟ

2.ไรขาวฉีดพ่นด้วยกำมะถัน

กุมภาพันธ์

จัดการปุ๋ยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการของผล

  ผลมีอายุประมาณ 4 สัปดาห์หลังดอกบาน

  1. เพิ่มปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านกระบวนการหมักเรียบร้อยแล้ว อัตราส่วนประมาณ 20 – 60 กิโลกรัมต่อต้น ขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่มของต้นไม้และความอุดมสมบูรณ์ของดิน
  2. ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพหรือสัตว์หรือสารสกัดจากพืชและสัตว์ลงบนใบในอัตรา 1 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร
  3. รดราดน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์ เช่น ปลา หรือพืช เช่น ผลไม้ หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช ผ่านดิน หรือให้ผ่านระบบน้ำ ในอัตรา 3 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน

สำรวจแมลงศัตรูทำลายผล

 หลังติดผล

ฉีดพ่นด้วยอินทรียวัตถุเพื่อป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

  1. เพลี้ยไฟ
  2. ไรขาว

 ***ปฏิบัติเข่นเดียวกับเดือนมกราคม ***

ควบคุมปริมาณผลต่อต้นให้เหมาะสม

  หลังดอกบาน

ให้น้ำเพื่อควบคุมปริมาณผลต่อต้นเพื่อให้ผลร่วงเหลือประมาณ 35-50% ของยอดทั้งหมด 

มีนาคม - เมษายน

จัดการน้ำเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการของผล

  หลังดอกบานเป็นต้นไป

ให้น้ำ 200 – 600 ลิตรต่อต้น วันเว้นวัน ขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่มของต้นไม้ พื้นที่ และสภาพอากาศ

จัดการปุ๋ยเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตคุณภาพ

  หลังติดผล

  1. ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพหรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืชลงบนใบในอัตรา 1 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร
  2. รดราดน้ำหมักชีวภาพจากสัตว์หรือพืชหรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืชลงดินหรือให้ผ่านระบบน้ำในอัตรา 3 ลิตร ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและต้นมังคุด

พฤษภาคม - มิถุนายน

ป้องกันผลผลิตเสียหาย ระหว่างการเก็บเกี่ยว

  

เมื่อผลมีอายุประมาณ 13 สัปดาห์หลังดอกบานเป็นต้นไป

การเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องมือป้องกันไม่ให้ผลมังคุดหลุดหรือถูกกระแทกอย่างรุนแรง ระวังอย่าให้ขั้วหักหรือทำให้กลีบเลี้ยงช้ำ เลือกเก็บเฉพาะผลไม้ที่สุกเฉพาะระยะสายเลือดเท่านั้น

ป้องกันผลผลิตเสียหาย หลังการเก็บเกี่ยว

หลังจากเก็บเกี่ยวมังคุดแล้ว ให้เก็บไว้ในที่ร่ม ทำความสะอาด และคัดแยกคุณภาพก่อนส่งจำหน่าย

Copyright ©2024 becomeorganic - All rights reserved.

Powered by MJU-IC